นพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์
April 29, 2015
continued
นับตั้งแต่ปี 1990s ได้มีการวิเคราะห์ตามรูปแบบ meta-analysis โดยมีการ
ตรวจความสัมพันธ์ระหว่างไขมันอิ่มตัว และโรคหัวใจ CVD จำนวน 13 ชิ้น
ปรากฏว่า มีรายงาน 10 ชิ้น ได้เสนอผลงานว่า การรับประทานอาหารที่มี
ไขมันอิ่มตัว ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ CVD
ในปี 2010 Us Department of Agricultures Dietary Guideline Advisory
Committee ได้รวบรวมหลักฐานเอาไว้ว่า การรับประทานอาหารที่เป็นไขมัน
อิ่มตัว (saturated fat) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ CVD และโรค
เบาหวานประเภทสอง และได้สรุปว่า การรับประทานไขมันอิ่มตัว saturate
fats จะเป็นอันตรายต่อการเกิดโรคหัวใจสูงมาก แต่หากทดแทนไขมันอิ่ม
ตัวด้วยไขมันไม่อิ่มต้ว polyunsaturated fat เพียงแต่ 5% สามารถลดความ
เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ CVD และเบาหวานประเภท 2 และยังทำให้คนเรา
ตอบสนองต่อ insulin ได้ดีขึ้น
ปี 2011 ได้มีการอภิปรายจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไขมันอิ่มตัว (saturated fat)
และโรคหัวใจ CVD ได้สรุปเอาไว้ว่า:
“การทดแทนไขมันอิ่มตัว (saturated fat) ด้วยไขมันไม่อิ่มตัว (polyunsaturated
fat) สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ (CVD) ... และจากการรับ
ประทานตามสะไตล์ของคนยุโรป ด้วยการทดแทนอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว (SFA)
ด้วยไขมันไม่อิ่มตัว (PUFA) สามารถลดการเกิดโรคหัวใจจากหลอดเลือด และลด
ระดับของไขมัน LDL cholesterol ในเลือดลง และลดโรคหัวใจจากหลอดเลือดได้
มากกว่า 2 – 3 %
ในปี 2012 Cochrane review:
ได้สรุปรายงานเอาไว้ว่า การลดปริมาณไขมันอิ่มตัวในอาหารลง สามารถลดความ
เสี่ยงจากการทำให้เกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดลงได้ถึง 14 %
สุดท้าย ปี 2014 The American College of Cardioloy / American Heart
Association ได้กำหนดแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการแนะนำให้รับ
ประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว 5 – 6% ของพลังงานที่ได้จากอาหาร (คาลอรี่)
ที่ได้รับในหนึ่งวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนกันอย่างกว้างขวาง
<<BACK NEXT >> P.3, Saturated fats controversies
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น