นพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์
April 13,2015
ผู้เขียนจัดอยู่ในประเภทที่มีสุขภาพเกือบสมบูรณ์ที่สุด เกิดมี่เหตุการณ์อย่างหนึ่ง
ทำเอาทุกคนที่ได้พบเห็น รวมทั้งผู้เขียนเองต่างตกใจ...จึงอยากนำเสนอให้เพื่อนๆ
ทั้งหลายทีมีความห่วงใยในสุขภาพของตนเองได้รับทราบ
ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย
ผู้เขียนมีอายุ 77 ปี, มีน้ำหนักเกินกว่าปกติ โดยมีดัชนีมวลกาย (BMI) 31 ควบคุมรับ
ความดันโลหิตให้อยู่ระหว่าง 110 – 120 mm Hg ด้วยยา madiplot และ Losartan
และรักษาต่อมลูกหมากโตด้วย Harnal ocas® (tamsulosin HCL)
ผู้เขียนงดดื่มแอลกอฮอล และเลิกสูบบุหรี่มาหลายสิบปี… ออกกำลังกายทุกวัน ๆ ละ
หนึ่งชั่วโมง ตามรูปแบบ circuit exercise โดยรอบของการออกกำลังกายจะประกอบ
ด้วย การวิดพื้น, ยกน้ำหนัก, จอกกิ่ง, สวิงลูกกอล์ฟระยะ 50 เมตร ด้วย Lob wedge
ก่อน และหลังบริหารร่างกายมีการ warm up & Cool down 5 นาที
ในวันที่รู้สึกตัวไม่สบาย ผู้เขียนได้รับประทานอาหารเย็นที่มีรสเผ็ดพอประมาณ (ซึ่ง
นานๆ ครั้งจะรับประทานทีหนึ่ง) พอตกกลางคืน ประมานสองทุ่มขณะดูละครทีวี เกิด
มีความรู้สึกปวดท้องทั่วไป เหมือนอาหารไม่ย่อย (dyspepsia) คิดว่าไม่นานอาการ
คงหาย แต่เวลาผ่านไปเกือบถึงเที่ยงคืน อาการยังทรง พร้อมกับเกิดอาการคลื่นไส้
และอาเจียน ทำให้เกิดความสงสัยว่า...เอะ! ดูท่าจะไม่ใช้ปวดกระเพาะธรรมดา
เสียแล้วซิ ?
ผู้เขียนจึงชวนภรรยาไปโรงพยาบาล (ห้องฉุกเฉิน) เพื่อขอตรวจดูคลื่นหัวใจ ดูว่า
เราเป็นโรคหัวใจเหมือนกับที่เคยสอนให้คนไข้หรือเปล่า ?
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้บอกให้พยาบาลตรวจคลื่นหัวใจทันที...ซึ่ง
พยาบาล เธอก็ปฏิบัติอย่างฉับไว ไม่รอช้า จัดการตรวจ EKG ให้ตามที่ขอ
“หัวใจของคุณหมอเต้นช้านะ...”
“เท่าไหร่ ?”
“50 ครั้ง / นาที”
พยาบาลที่ทำการตรวจ EKG เป็นคนบอก พร้อมกับตระโกนบอกให้แพทย์ที่
ประจำห้องฉุกเฉินด้วยความตกใจ เมื่อหัวใจเต้นช้าเรื่อย ๆ จาก 50 - 45 -
40 ---35 ----30 ----- 28
ไม่ใช้เรื่องปกติเสียแล้วซิ !
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ ได้รับแจ้งให้ทราบทางโทรศัพท์ทันที
พร้อมกับได้ยินเสียงมาตามสายว่า “อาการที่เกิดเป็นผลมาจาก “Vagal effect”
พร้อมกับสั่งให้พยาบาลฉีดยา atropine (anticholinergic drug) เข้าเส้น และ
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารให้แก่ผู้เขียน
ภายหลังการได้รับยาฉีด...การเต้นของหัวใจก็ค่อยๆ เต้นเหมือนปกติใน
เวลาไม่นานนัก แต่อาการปวดท้องยังทรง แม้จะได้รับยาแก้ปวดท้องแล้ว
ก็ตาม
ในการไปห้องฉุกเฉินครั้งนั่น ได้รับการตรวจเลือดทุกอย่าง รวมทั้งเอ็นไซม์ของหัวใจ
ปรากฏว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ
วันรุ่งขึ้น ก่อนกลับบ้าน ผู้เขียนถามแพทย์รุ่นน้องที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจว่า:
ผมเป็นโรคอะไรกันแน่ ?
แพทย์ก็ตอบว่า เป็นโรคกระเพาะอาหาร และหัวใจเต้นช้า (gastritis and bradycardia)
ซึ่งเกิดได้ไม่บ่อยนัก แพทยทั่วไปบางท่านอาจไม่ทราบด้วยซ้ำไป
จากการไม่สบายครั้งนี้ ผู้้่เขียนได้ตั้งใจว่า เมื่อกลับถึงบ้านจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับ
เรื่องดังกล่าว เพื่อเขียนเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ที่สนใจในสุขภาพได้อ่านกัน
วันนี้ขอจบลงแต่เพียงแค่นี้...
Next >> Roemheld Syndrome
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น