นพ. มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์
March 22, 2015
มีรายงานจากสหรัฐฯ มีประชาชนที่มีอายุมากกว่า 45 จะกินยาลด
ไขมัน cholesterol ด้วยยา statin โดยจัดเป็นยาที่ใครก็รู้จักกัน และ
เป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิดกัน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการ
เรียนรู้ และนำมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไป
เรื่องบอกเล่า 1 : ยาลดไขมัน statin ทำให้เกิดการสูญเสียความ
ทรงจำ
มีบางคนที่กินยากลุ่ม statins เพื่อลดระดับไขมันคอลสเตอรอลในกระ
แสเลือด รายงานให้แพทย์ได้ทราบว่า เขาเกิดมีอาการสับสน หรือเป็น
คนขี้หลงลืม
เนื่องจากคนที่อยู่ในวัยกลางคน ถึงคนสูงอายุ มักจะมีปัญหาเรื่องความ
จำเสื่อม และเป็นช่วงที่มีการกินยา statin กันมากที่สุด จึงอาจทำ
ให้เกิดความสงสัยว่า อะไรคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดมีอาการเช่นนั้น...
ยา หรือ เป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุ
ความกังวลใจเกี่ยวกับการใช้ยา statin เริ่มเกิดจากกลุ่มคนที่รายงานให้
องค์การอาหาร และยา (FDA)
โดย Dr. Christopher Cannon, จาก Harvard Medical School ได้รายงาน
เอาไว้ว่า มีกลุ่มคนกินยา statin ได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้น ที่รายงานว่าเกิดมี
ผลข้างเคียงเกิดขึ้น ซึ่ง Dr. Cannon ให้ความเห็นว่า อาการที่เกิดขึ้นไม่น่า
จะเกิดจาก statin เพราะมีผลของการศึกษาที่น่าเชื่อถือได้ ด้วยการศึกษาใน
ประชาชนจำนวน 20,000 ราย ที่กินยา statin แล้วไม่ปรากฏว่ามีปัญหาด้าน
ความคิด และด้านความจำแม้แต่คนเดียว
เรื่องบอกเล่า 2: เมื่อมีการใช้ยา statin ท่านจะต้องตรวจเลือด เพื่อ
ตรวจเช็คการทำงานของตับ และไตอย่างสม่ำเสมอ
มีการกล่าวว่า ยา statin จะทำลายเซลล์ของตับ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยา
เราควรทำการตรวจเลือดดูระดับของเอ็นไซม์ของตับ หากค่าที่ตรวจได้
มีระดับสูงขึ้น ย่อมหมายความว่า ตับอาจถูกทำลาย
นอกจากนั้น ควรทำการตรวจเอ็นไซม์ creatine kinase (CK) โดยเป็น
ผลผลิตอันเกิดจากกล้ามเนื้อ (damage) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนบอก
ให้ทราบถึงอันตรายจาการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว rhabdomyolysis
โดยพบได้ประมาณ หนึ่งใน 10,000 คนที่ใช้ยา statin ซึ่งสามารถยัง
ผลให้เกิดภาวะไตวาย และเสียชีวิตได้
ความจริงมีว่า การตรวจเลือดเพื่อเช็คดูเอ็นไซม์ทั้งสอง ไม่สามารถบอก
ให้ทราบถึงภาวะอันตรายทั้งสองได้ ซึ่งต่างเป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก ๆ
ในปี 2012 องค์การอาหาร และยาจากสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแปลงคำแนะนำ
โดยให้ทำการตรวจเอ็นไซม์ของตับ และของกล้ามเนื้อเพียงครั้งเดียวเมื่อ
คนไข้เกิดมีอาการต่างๆ ของกล้ามเนื้อ หรือตับถูกทำลาย
ซึ่งอาจมี เมื่อยล้าโดยไม่ทราบเหตุ, เบื่ออาหาร,ปวดท้องบริเวณส่วนบน,
ปัสสาวะสีดำ, ผิวหนังสีเหลือง หรือตาซีดขาว
สำหรับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อ พบได้ประมาณ 1 ใน 10
ของคนที่เริ่มกินยา statin โดยมีอาการปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนแรง
อาการที่เกิดขึ้น จะพบได้ในคนช่วงวัยกลางคนขึ้นไป
อาการปวดกล้ามเนื้อดังกล่าว อาจเกิดจากการออกกำลังกายมากเกินไป
หรือทำงานในสนาม หรือเกิดจากการนั่งเล่นคอมฯ เป็นเวลานานก็ได้
ในกรณีที่ไม่ปัญหาดังกล่าว อาการปวดกล้ามเนื้ออาจเป็นผลมาจาก
การใช้ statin โดยเกิดในระยะเวลา 2-3 อาทิตย์หลังเริ่มการใช้ statin
โดยอาจเกิดขึ้นกับสองข้าง หรือเกิดขึ้นข้างเดียวของร่างกาย
ในกรณีที่เกิดจากยา statin แพทย์อาจแนะนำให้ลดขนาดของยาลง
หรือกินยวันเว้นวัน หรือเปลี่ยนยา statin ตัวใหม่ ซึ่งมักจะแก้ปัญหาได้
เรื่องบอกเล่า 3: สาร CoQ10 สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาหารปวดกล้าม
เนื้ออันเกิดจากยา statin
Coenzyme Q10 เป็นสารที่ค้ลายไวตามิน ถูกสร้างภายในร่างกายได้
ตามธรรมชาติ โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานของเซลล์ภายใน
ร่างกาย และเป็นเป็นสินค้าสามารถซื้อหามาได้ในรูปของอาหารเสริม
โดยมีการโฆษณาว่า สามารถเสริมพลัง และสนับสนุนการทำงานของหัวใจ
จากการกินยา statin สามารถลดระดับ CoQ10 ดังนั้นจึงมีนักวิทยาศาสตร์
จำนวนไม่น้อยเกิดความเชื่อว่า การเพิ่มระดับของ CoQ10 อาจช่วยรักษา
อาการปวดกล้ามเนื้ออันเกิดจากการกินยา statin ลงได้บ้าง แต่เท่าที่
ปรากฏ ยังไม่มีหลักฐานในสนับสนุนเรื่องดังกล่าวเลย
มีแพทย์หลายนาย ยังคงพยายามแนะนำให้คนกินยา statin ร่วมกับการ
ใช้สาร CoQ10 เป็นเวลาหลายเดือน และดูเหมือนว่ามันจะปลอดภัยจาก
ผลข้างเคียงได้
อย่างไรก็ตาม ผลจากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า CoQ10 อาจลดประสิทธิภาพ
ของยา warfarin (Coumadin) เป็นเหตุทำให้คนไข้มีความเสี่ยงต่อ
การทำให้เม็ดเลือดเกิดการจับตัวเป็นลิ่มเลือดได้
อ้างอิง:
o www. Health.harvard.edu
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น